ศัตรูพืชตัวร้าย เพลี้ยไฟ และ ไรแดง ยาที่ฉีดก็แพง แต่ทำไมฉีดพ่นไปแล้ว ไม่ได้ผล.
เพลี้ยไฟ และ ไรแดง จัดเป็นศัตรูพืชขนาดเล็ก พบระบาดมากในสภาวะอากาศร้อน แห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ทั้งนี้สามารถพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของเพลี้ยไฟและไรแดงลงทำลายส่วนยอดอ่อน ใบอ่อน และช่อดอกของพืชอาหารหนึ่งๆ พร้อมกันได้อีกด้วย
แต่หลายท่านคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างของเพลี้ยไฟและไรแดงตลอดจนลักษณะการทำลาย วันนี้ผู้เขียนจะมาบอกเล่าถึงความแตกต่างนั้นให้ทราบกันครับ...
เพลี้ยไฟจัดเป็นแมลงปากดูดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะต่างจากแมลงปากดูดในกลุ่มเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง และแมลงหวี่ขาว โดยส่วนปากของเพลี้ยไฟจะมีกรามซ้ายเพียงข้างเดียว ในขณะที่แมลงปากดูดชนิดอื่นๆ จะมีปากเป็นแบบท่อสำหรับแทงเข้าไปดูดน้ำเลี้ยงภายในส่วนต่างๆ ของพืช
เพลี้ยไฟจะใช้กรามซ้ายเขี่ยใบหรือส่วนอ่อนของพืชให้ช้ำจากนั้นจะดูดกินน้ำเลี้ยงส่งผลให้ผิวพืชบริเวณนั้นสูญเสียน้ำ และกลไกการป้องกันตัวของพืชก็เหมือนกับกลไกการสร้างสะเก็ดแผลป้องกันการสูญเสียเลือดจากบาดแผลของมนุษย์ที่ต้องรีบทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวแห้ง จึงเป็นที่มาของ “ผิวสีน้ำตาลหนานูนขรุขระ” ที่เกิดบนส่วนต่างๆ ของพืชนั่นเอง
ในขณะที่ไรแดงซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต 8 ขา สามารถสร้างเส้นใยได้ โดยไรแดงจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชและปล่อยสารพิษออกมาทำให้ส่วนของพืชที่ถูกทำลายสูญเสียคลอโรฟิลเกิด “จุดประด่างขาว” โดยเฉพาะตามแนวเส้นใบ ต่อมาแผ่ขยายกว้างขึ้นทำให้หน้าใบทั้งหมดมีสีขาวซีด ใบกรอบกระด้าง และหากไรแดงทำลายช่วงผลอ่อนก็จะทำให้ผลมีผิวสีน้ำตาล แต่จะไม่หนานูนขรุขระเหมือนลักษณะการทำลายของเพลี้ยไฟ
การจำแนกลักษณะการทำลายของเพลี้ยไฟและไรแดงได้ จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้สารกำจัดเพลี้ยไฟและไรแดงได้อย่างถูกต้อง เพราะสารบางชนิดกำจัดเพลี้ยไฟได้แต่กำจัดไรแดงไม่ได้ ในขณะที่สารบางชนิดกำจัดไรแดงได้แต่กำจัดเพลี้ยไฟไม่ได้
สภาพอากาศในฤดูร้อนมากๆ นี้เป็นสภาพที่เหมาะต่อการระบาดของเพลี้ยไฟและไรแดงอย่างแท้จริง เกษตรกรจึงควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกพืช เมื่อเริ่มพบการระบาดจะได้ป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟหรือไรแดงได้อย่างทันท่วงทีนะครับ